วันนี้ (๒๖
สิงหาคม ๒๕๕๖) คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมได้แถลงข่าวเรื่อง
อัตราค่าบริการเสียง ๙๙ สตางค์
กับกรณี ๒ บริษัทโทรคมฯ ยังไม่ปฏิบัติตาม ประกาศ เรื่อง
อัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๕ ต่อบริษัทผู้มีอำนาจเหนือตลาด
๒ รายคือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด และ บมจ.โทเทิ่ลแอ็ดเซ็ส
คอมมูนิเคชั่น จำกัด ต้องปฏิบัติตามเป็นการทั่วไปตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งล่าสุด
กทค. ได้มีมติสั่งให้ ดีแทค คืนค่าบริการให้แก่ผู้ใช้บริการรายหนึ่งที่ร้องเรียนมายัง
กสทช.แล้วนั้น
นางสาวสารี
อ๋องสมหวัง ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าวจากข้อมูลสถิติสรุปเรื่องร้องเรียนกรณีคิดค่าบริการไม่เป็นไปตามอัตราขั้นสูงพบว่า
ปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น ๑๖๕ เรื่อง
คงเหลือเรื่องร้องเรียนที่ยังไม่ยุติจำนวน ๑๒๗ เรื่อง จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถพิจารณาได้ดังนี้คือ
๑) การที่บริษัทคิดค่าบริการตามรายการส่งเสริมการขายแบบเหมาจ่าย
ที่มีทั้งในรูปแบบที่เป็นไปตามอัตราขั้นสูงค่าบริการเสียง เช่น แพ็คเกจ ๗๙๙
บาท โทรฟรี ๙๕๐ นาที เฉลี่ยคิดอัตราค่าบริการนาทีละ ๘๔ สตางค์ และแบบพบว่าเป็นแพ็คเกจที่คิดค่าบริการแบบไม่เป็นไปตามอัตราขั้นสูง
เช่น แพ็คเกจ ๔๐๐ บาท โทรฟรี ๔๐๐ นาที เท่ากับคิดค่าบริการนาทีละ ๑ บาท ๒)
การคิดค่าบริการส่วนที่เกินจากรายการส่งเสริมการขายแบบเหมาจ่าย เช่น แพ็คเกจ ๒๐๐ บาท โทรฟรี ๒๐๐ นาที
ส่วนที่เกินนาทีละ ๑.๕๐ บาท หรือ แพ็คเกจ
๗๙๙ บาท โทรฟรี ๙๕๐ นาที ส่วนที่เกินนาทีละ ๑.๕๐ บาท ซึ่งพบอยู่เป็นการทั่วไปแทบทุกโปรโมชั่น
“ผู้ร้องรายหนึ่ง สมัครแพ็คเกจ ๔๐๐ บาท โทรฟรี ๔๐๐ นาที ส่วนเกินนาทีละ ๑.๕๐ บาท ถูกบริษัทคิดค่าบริการส่วนเกินโปรโมชั่นรวม
๑๒๐๐ บาท ทั้งที่หากคิดค่าบริการตามอัตราขั้นสูงผู้ร้องต้องจ่ายเพียง ๘๐๐
บาทเท่านั้น จึงเห็นได้ว่ามีการคิดค่าบริการในส่วนที่เกินจากรายการส่งเสริมการขายแบบเหมาจ่ายเกินกว่าอัตราขั้นสูงฯเป็นจำนวน
๕๑ สตางค์ต่อนาที ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดมีผู้ใช้บริการรวมกันแล้วถึงร้อยละ
๗๐ ของประเทศ “ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมกล่าว
ดังนั้นที่ประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม
จึงเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรคมนาคมและคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมจากการคิดค่าบริการโทรคมนาคมตามประกาศ
กสทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงฯ ของค่าบริการประเภทเสียง ๑) กสทช. ควรมีคำสั่งปรับทางปกครองเพื่อให้ทั้งสองบริษัทปฏิบัติตามประกาศ
อัตราขั้นสูง และแม้ว่าจะมีการอุทธรณ์คำสั่งหรือฟ้องยกเลิกคำสั่ง แต่ก็ยังไม่มีผลในการทุเลาบังคับทางปกครอง
เพื่อมิให้ต้องเป็นภาระกับผู้บริโภคที่ต้องร้องเรียนเป็นรายกรณี ๒)ขอให้กสทช.สั่งให้สำนักงาน กสทช. ใช้อำนาจตาม
มาตรา ๖๑ พรบ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้
ทั้งสองบริษัทแสดงรายละเอียด คือ จำนวน
และรายชื่อของผู้ใช้บริการที่ถูกคิดค่าบริการเกินกว่าอัตราขั้นสูงตามประกาศ
กสทช. , วัน เวลา
ที่ผู้ใช้บริการแต่ละรายถูกคิดค่าบริการเกินกว่าอัตราขั้นสูง ตามประกาศ กสทช. ,
แนวทางการคืนเงินค่าบริการ พร้อมดอกเบี้ย เพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการ
๓) เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ผู้ร้องเรียนมีสิทธิชำระค่าบริการเฉพาะส่วนที่เห็นว่าไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด
ได้ หากไม่พบว่าไม่เป็นการเรียกเก็บเกินอัตราก็ให้เรียกเก็บเงินต่อไป แต่หากพบว่า
เป็นการเรียกเก็บเกิน ก็ต้องคืนเงินส่วนต่างพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ใช้บริการ ๔)
กสทช. ควรประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสาธารณะเพื่อให้ผู้ใช้บริการของทั้ง ๒
บริษัทได้รับทราบสิทธิในการใช้บริการนี้เป็นการทั่วไป
“ขณะที่มีผู้ใช้บริการของทั้งสองบริษัทมีจำนวนเป็น
หลายสิบล้าน และเงินที่ผู้ให้บริการทั้งสองรายเรียกเก็บเกินไปจากผู้ใช้บริการก็เป็นจำนวนไม่น้อย
กสทช. ควรเร่งประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้ผู้บริโภครับทราบ เพราะเชื่อว่า ยังมีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ทราบ
ทั้งที่ถูกคิดค่าบริการเกินมากกว่า ๙๙ สตางค์ต่อนาที “ นางสาวสารีกล่าว