ผู้บริโภคพรีเพดถูกบริษัทมั่วนิ่มหักค่าบริการเสริมโดยไม่ได้สมัครใช้มานาน ๕ ปี ร้องเรียน กสทช. ช่วยเหลือขอเงินคืน ประธานอนุกรรมการฯห่วงผู้บริโภครายอื่นแนะควรตรวจสอบการสมัครบริการเสิรมกับเครือข่าย เพื่อยกเลิกบริการและขอเงินคืน เสนอ กสทช. ถือเป็นพฤติกรรมเข้าข่าย ม.๓๑ เอาเปรียบผู้บริโภค ที่ควรดำเนินการอย่างจริงจัง พร้อมเสนอ
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง
ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า
ที่ประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม
ยังได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีที่ถูกคิดค่าบริการเสริมรับข้อมูลประเภทข่าว
ดูดวงผ่านข้อความสั้น (SMS) โดยที่ไม่ได้สมัครใช้บริการ
โดยมีผู้ร้องเรียนรายหนึ่งใช้บริการโทรศัพท์ระบบเติมเงินระบุว่า
ถูกคิดค่าบริการเสริมจากข้อความ เอ็มเอ็มเอสมากว่า ๕ ปีแล้ว
โดยที่ไม่เคยสมัครใช้บริการ เหตุที่ทราบเพราะผู้ร้องตรวจสอบกับศูนย์บริการจากนั้นจึงขอยกเลิกและขอเงินคืน
โดยบริษัทแจ้งให้ผู้ร้องทราบว่า มีการสมัครรายการเสริมนี้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม
๒๕๕๐ ซึ่งเท่ากับผู้ร้องถูกหักค่าบริการโดยไม่รู้ตัวมากว่า ๕ ปี
ทั้งที่ไม่เคยสมัครและใช้ไม่เป็น
“
การใช้บริการโทรศัพท์ประเภทเติมเงินมีจุดอ่อนตรงที่ผู้ใช้จะไม่ทราบรายละเอียดการหักค่าบริการของบริษัท
เนื่องจากไม่มีใบแจ้งหนี้ เมื่อมีการส่งเอ็มเอ็มเอสมาก็คิดว่าเป็นสแปมธรรมดา
ทั้งที่ถูกคิดค่าบริการมาตลอด ๕ ปี
ขณะนี้ผู้ร้องบางรายเห็นวิธีการหาเงินเช่นนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนซึ่งเดือดร้อนกับภาวะเศรษฐกิจอยู่แล้ว
กลับต้องมาเสียเปรียบในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์แบบเติมเงินอีกจำนวนมากที่ถูกหักค่าบริการเสริมโดยที่ตัวเองไม่ทราบ
จึงควรตรวจสอบกับผู้ให้บริการว่าได้สมัครบริการเสริมอะไรหรือไม่ตั้งแต่เมื่อไหร่
หากไม่ได้สมัครจะได้แจ้งยกเลิกและให้คืนเงินที่ถูกหักไปทั้งที่ไม่ได้สมัครใช้บริการ”
นางสาวสารีกล่าว ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม
เปิดเผยว่า ที่ประชุมจะได้พิจารณาข้อร้องเรียนนี้แล้วมีความเห็นว่า เมื่อผู้บริโภคไม่ได้สมัครใช้บริการ
บริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมไม่มีสิทธิคิดค่าบริการเสริม
บริษัทจึงต้องคืนเงินค่าบริการเสิรมให้กับผู้ร้องและต้องชำระดอกเบี้ยส่วนต่างในอัตราเท่ากับที่บริษัทกำหนดว่าจะเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการในกรณีที่ผู้ใช้บริการผิดนัดชำระหนี้ อีกทั้งเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ
และเข้าข่ายเป็นการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค ตามมาตรา ๓๑
แห่งพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ๒๕๕๓ และเป็นอำนาจของ
กสทช.ในการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าด้วยการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
และมีอำนาจในการสั่งระงับการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวได้
ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาบริการเสริมข้อมูลข่าวสารผ่าน เอสเอ็มเอ็สได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น